ประกาศแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับผู้สมัครงาน
ฉบับปรับปรุงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ”) ตระหนักถึงสิทธิและความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จึงขอแจ้งให้ทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับแนวทางที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการสมัครงานกับบริษัทฯ
ประกาศแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ประกาศฯ”) ใช้สำหรับการสมัครงานกับบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการติดต่อประสานงานการสมัครงาน การพิจารณาและคัดเลือก การตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการจ้างงาน การตรวจสอบประวัติการทำงาน การตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นจากบุคคลอ้างอิง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีดังนี้
1. บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมก่อนเข้ารับการพิจารณาคัดเลือก เช่น
- ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเลขหนังสือเดินทาง
- ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล วันเดือนปีเกิด อายุ ภาพถ่าย ลายมือชื่อ สถานภาพการสมรส สถานภาพทางทหาร
- ประวัติการศึกษา ใบรับรองผลการศึกษา หลักฐานการจบการศึกษา
- ประวัติการทำงาน ทักษะ ประสบการณ์ ประวัติการฝึกอบรม
- ข้อมูลเงินเดือน ค่าตอบแทน และผลประโยชน์อื่นที่ได้รับเช่น โบนัส กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการประกันภัย เป็นต้น
- ชื่อ นามสกุล และข้อมูลของบุคคลในครอบครัว รวมทั้งคู่สมรสและบุตร
- ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ความเกี่ยวข้องของบุคคลอ้างอิงกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- บัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน
1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมระหว่างการพิจารณาคัดเลือกหรือการสัมภาษณ์ เช่น
- ข้อมูลการตรวจสุขภาพ
- ประวัติอาชญากรรม
- ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV)
บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลอื่นใดที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่ได้แจ้งไว้ในข้อ 1 หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัทฯ ขอให้ปกปิดข้อมูลดังกล่าวก่อนมอบให้บริษัทฯ หากมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้นให้ถือว่าอนุญาตให้บริษัทฯ ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้นและถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อใช้ยืนยันตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทฯ เช่น ผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน คู่สมรส ภรรยา บุพการี ผู้สืบสันดาน ญาติ บุตร นายจ้าง ตัวแทน ผู้รับประโยชน์ หรือบุคคลผู้อ้างอิง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรมั่นใจว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิและ/หรืออำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามประกาศฯ ฉบับนี้ได้ อีกทั้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องรับผิดชอบในการแจ้งบุคคลเหล่านั้นให้ทราบถึงประกาศฯ ฉบับนี้ และ/หรือขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็น และ/หรืออาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่น
2. บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือโดยอ้อมจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ดังนี้
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง ไม่ว่าจะได้รับเป็นเอกสาร หรือทางวาจา หรือทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือโดยการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ หรือที่บริษัทฯ ได้รับโดยวิธีการอื่นไม่ว่าผ่านทางช่องทางใด ซึ่งเป็นข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้ว
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับจากตัวแทนของบริษัทฯ ที่ทำหน้าที่แทนบริษัทฯ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้ว
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมได้จากอุปกรณ์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนำมาใช้งานกับระบบสารสนเทศ หรือระบบการทำงานต่าง ๆ ของบริษัทฯ
2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมได้จากแหล่งข้อมูลสาธารณะและจากแหล่งข้อมูลอื่นที่บริษัทฯ มีสิทธิเก็บรวบรวมได้โดยชอบตามกฎหมายโดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
2.5 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับจากหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย
3. บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
3.1 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการใด ๆ ตามที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว
3.2 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกผู้สมัครงาน ซึ่งหมายความรวมถึงขั้นตอนการสมัครผ่านช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ การสมัครงานผ่านทางบริษัทฯ โดยตรงหรือสมัครผ่านทางผู้ให้บริการจัดหางาน ขั้นตอนการสัมภาษณ์ ขั้นตอนการประเมินคัดเลือก ขั้นตอนการเสนอสัญญาจ้างงานให้แก่ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือก และกระบวนการบริหารงานบุคคลอื่น ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและคัดเลือกเข้าทำงานกับบริษัทฯ
3.3 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการจ้างงาน รวมถึงตรวจสอบประวัติการทำงาน การตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นจากบุคคลอ้างอิง เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนรับเข้าทำงานกับบริษัทฯ และการดำเนินการทำสัญญาจ้างงาน
3.4 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการที่จำเป็นเพื่อการบังคับให้เป็นไปตามสัญญาหรือเพื่อการเรียกร้องสิทธิที่บริษัทพึงมีตามกฎหมายถึงแม้สัญญาจะสิ้นสุดลงแล้ว เช่น การบังคับตามคำพิพากษาของศาลเป็นต้น
3.5 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมในการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟฟ้า โครงข่ายโทรคมนาคม หรือระบบอื่น ๆ ที่บริษัทฯ ใช้ในการให้บริการ การปกป้องการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ การรักษาความปลอดภัยของบุคลากร ทรัพย์สินและสถานประกอบการของบริษัทฯ รวมถึงการเยียวยา ป้องกัน หรือจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
3.6 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมในการบังคับใช้ข้อกำหนดและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
3.7 เพื่อให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายควบคุมโรคติดต่อ เป็นต้น
3.8 เพื่อให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายให้อำนาจในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
4. บริษัทฯ อาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกับบุคคลที่สาม ดังนี้
4.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวมไว้ในข้อ 2 ให้แก่บริษัทในเครือ พันธมิตรทางธุรกิจ หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานที่ใช้อำนาจรัฐหรือมีอำนาจบังคับตามกฎหมายให้บริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือหน่วยงานที่อยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ รวมทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือองค์กรอื่น ๆ ที่มีนิติสัมพันธ์ทางกฎหมายกับบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ตามข้อ 3
4.2 หากบริษัทฯ จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ที่อยู่ต่างประเทศที่ไม่มีมาตรฐานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางและจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
5. บริษัทฯ มีมาตรการในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
5.1 บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับไว้เป็นอย่างดีโดยธำรงไว้ซึ่งความลับ และจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง หรือเปิดเผยโดยมิชอบ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
5.2 บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมหรือเท่าที่จำเป็นตามอายุความ และมาตรฐานการเก็บรักษาเอกสารที่บริษัทถือปฏิบัติ กล่าวคือ 1 (หนึ่ง) ปี นับแต่วันที่บริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้ยุติความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นอันเนื่องมาจากกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้เท่าที่ความจำเป็นดังกล่าวสิ้นสุดลง
5.3 เมื่อพ้นระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือเมื่อบริษัทฯ ไม่สามารถอ้างสิทธิในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลใดแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
5.4 ในการณีที่มีการรั่วไหลหรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ มีมาตรการในการตอบสนองกับเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลหรือการละเมิด ดังนี้
5.4.1 ผู้ที่ทราบเหตุแจ้งต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5.4.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรับแจ้งเหตุและบันทึกเหตุการณ์
5.4.3 เจ้าหน้าที่ข้อมูลส่วนบุคคลประเมินความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
5.4.4 กรณีไม่มีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการดังนี้
(1) จดบันทึกเหตุการณ์เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
(2) รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บริหารทราบ
5.4.5 กรณีมีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการดังนี้
(1) จดบันทึกเหตุการณ์เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
(2) แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
(3) รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บริหารทราบ
5.4.6 กรณีมีความเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการดังนี้
(1) จดบันทึกเหตุการณ์เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
(2) แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
(3) แจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ พร้อมทั้งมาตรการการเยียวยา
(4) รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บริหารทราบ
5.4.7 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการสืบสวนและสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและที่มา พร้อมทั้งระบุต้นเหตุของการรั่วไหลหรือการละเมิดของข้อมูลส่วนบุคคล
5.4.8 บริษัทฯ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแนวทางการป้องกันการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคล
6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีดังนี้
6.1 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิให้ความยินยอมและถอนความยินยอม ดังนี้
6.1.1 ในกรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีสิทธิจะให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ให้ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ซึ่งได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบแล้ว หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ให้ความยินยอมดังกล่าวก็ได้
6.1.2 เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนนั้นขัดต่อข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นที่ได้ให้ความยินยอมไปก่อนหน้านี้
6.1.3 ในกรณีที่การถอนความยินยอมข้างต้นส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือมีผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องใด บริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม
6.2 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นข้อมูลที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ
6.3 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ
6.4 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย
6.5 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
6.6 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบตามข้อ 6.5 ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
6.7 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 6.6 เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
6.8 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะคัดค้านเมื่อใดก็ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้าน บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปเฉพาะที่บริษัทฯ สามารถแสดงเหตุผลทางกฎหมายได้เท่านั้น
6.9 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากว่าบริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ในประกาศฯ นี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความยินยอม หรือเมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
6.10 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่บริษัทฯ กำลังตรวจสอบคำร้องขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคำร้องขอใช้สิทธิคัดค้านว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยไม่มีความจำเป็น หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
6.11 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7. บริษัทฯ มีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดี บริษัทฯ สงวนสิทธิในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีจำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทฯ จะต้องติดต่อสื่อสารกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
8. บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์เดิม ทั้งนี้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ประสงค์จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปหลังจากที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับแล้ว ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งยกเลิกความยินยอมได้ตามช่องทางที่กำหนดในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้
9. หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือต้องการใช้สิทธิ
ตามข้อ 6 หรือข้อ 8 กรุณาติดต่อบริษัทฯ ได้ที่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เลขที่ 349 อาคารเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ชั้น 28 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 เบอร์โทรศัพท์ (+66) 2-596-5095 หรือเว็บไซต์ของบริษัท www.thaicom.net หรือติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ โดยส่งอีเมลไปที่ [email protected]
10. บริษัทฯ อาจขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยืนยันตัวตนก่อนดำเนินการใด ๆ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการใช้สิทธิตามข้อ 6 หรือข้อ 8
11. บริษัทฯ สงวนสิทธิในการปฏิเสธการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
12. บริษัทฯ อาจมีการปรับปรุงประกาศฯ นี้เป็นครั้งคราว และบริษัทฯ จะแจ้งประกาศฯ ฉบับใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมด้วย
ประกาศใช้ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566