THCOM 14 THB
-0.30 (-2.10%)

เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2019

เชื่อมโยงการสื่อสารสู่ท้องทะเล ด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

เขียนโดย ทักษิณ อุปลาคม ฝ่ายโมบิลิตีแพลตฟอร์ม บมจ. ไทยคม 

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับโลกในยุคปัจจุบัน การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนๆ ในโลกนี้ ทั้งบนพื้นดิน ท้องฟ้า หรือแม้แต่ท้องทะเล และถือเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตของธุรกิจได้ในอนาคตไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอุตสาหกรรมทางทะเลของเอเชีย ซึ่งต้องเร่งปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และหนึ่งในปัญหาหลักของธุรกิจนอกชายฝั่ง คือ การติดต่อสื่อสารของลูกเรือและเรือขนส่งทางทะเลที่มักเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ยกระดับการติดตามเรือประมง

การติดต่อสื่อสารในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก โดยเฉพาะในท้องทะเล การสื่อสารผ่านดาวเทียมเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เข้าถึงได้ ดังนั้น การนำจุดเด่นของดาวเทียมเพื่อให้บริการสื่อสารอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางทะเล จะช่วยยกระดับให้การปฏิบัติงานทางทะเลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จัดว่าเป็นภูมิภาคที่มีอุตสาหกรรมทางทะเลที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริการสื่อสารอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยปัจจุบันมีเรือจำนวนทั้งสิ้นถึง 20,000 ลำ ซึ่งประกอบด้วย เรือพาณิชย์ เรือโดยสาร เรือนอกชายฝั่ง และเรือประมง จากทั้งหมด 70,000 ลำ ที่มีอยู่ทั่วโลก และตัวเลขดังกล่าว มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อเมริกาเหนือและยุโรป ให้ความสำคัญกับธุรกิจการขนส่งสินค้า ผู้โดยสาร รวมถึงน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง แต่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลับมองว่าอุตสาหกรรมทางทะเลคืออุตสาหกรรมหลัก และภูมิภาคอาเซียนก็ยังติดอันดับเป็นหนึ่งในห้าของอุตสาหกรรมการผลิตปลาทะเลทั่วโลก ที่เป็นส่วนสำคัญและช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม การทำประมงที่ผิดกฎหมายและขาดการควบคุมนั้นเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในภูมิภาค ซึ่งสร้างความเสียหายกว่าหลายพันล้านให้กับทั้งรัฐบาลและทั้งธุรกิจทางทะเล ปัจจุบัน ธุรกิจประมงได้รับการควบคุมโดยกฎหมายไอยูยู (คือการวางระบบป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม) [IUU – illegal, unregulated, uncontrolled] ซึ่งการใช้กฎหมายไอยูยู ก็เพื่อช่วยพัฒนาตลาด e-market ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประมงที่ส่งตรงจากมหาสมุทรสู่ผู้บริโภค และลองนึกภาพว่าหากบนเรือประมงนอกชายฝั่ง มีการควบคุมโดยกฎหมายไอยูยูผ่านระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม นั่นจะเป็นการช่วยยกระดับการเฝ้าระวัง และการตรวจตราทั่วท้องทะเลอันกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด

ปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจทางทะเลล้าหลั

สิ่งที่ชัดเจนก็คือ ธุรกิจทางทะเลต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้พวกเขาก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่ปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย และแน่นอนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางทะเลจะช่วยเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงลดความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทุกประเภทที่อาจขัดขวางการเติบโตในธุรกิจ และยังทำให้อุตสาหกรรมนอกชายฝั่งทะเลและการประมงของเอเชียอยู่เหนือชั้นกว่าใคร ปัญหาก็คือเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจอื่นๆ ธุรกิจทางทะเลยังมีความเหลื่อมล้ำและอ่อนด้อยในแง่ของการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางทะเลที่มีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการธุรกิจทางทะเลจำเป็นต้องป้องกันความปลอดภัยของการเดินเรือและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน นั่นย่อมหมายถึง ผู้ประกอบการต้องลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเครือข่ายการสื่อสารที่ล้มเหลว และด้านการละเมิดความปลอดภัยทางไซเบอร์

ทำไมบรอดแบนด์หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจึงเป็น
คำตอบ

ผู้ประกอบการธุรกิจทางทะเลต้องการสัญญาณบรอดแบนด์หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่มีความเสถียรและปลอดภัยในการใช้งานกลางทะเล เพราะจะเป็นปัจจัยในการสนับสนุนการเดินเรือที่มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้ ซึ่งเทคโนโลยี VSAT บรอดแบนด์ กำลังกลายเป็นโซลูชั่นมหัศจรรย์ ที่สามารถแก้ไขปัญหาซับซ้อนได้สำหรับการส่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปทั่วทั้งภูมิภาค และช่วยยกระดับการสื่อสารในอุตสาหกรรมการเดินเรือได้อย่างเต็มรูปแบบ โดย VSAT บรอดแบนด์ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการดำเนินงาน รองรับอัตราการรับส่งข้อมูลสูง และมีสัญญาณแบนด์วิธที่มีความเสถียรและต่อเนื่อง ครอบคลุมในทุกพื้นที่ที่ดาวเทียมให้บริการ นอกจากนี้ บริการบรอดแบนด์ดังกล่าว ยังสามารถเชื่อมต่อกับโซลูชั่นการสำรองข้อมูลบนคลื่น L-Band ได้ ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือเครือข่ายล้มเหลว หรือแม้แต่การโจมตีด้านความปลอดภัยทางท้องทะเล เจ้าของธุรกิจก็ยังสามารถติดต่อกับเรือของพวกเขาได้ในระหว่างที่เครือข่ายล่ม ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงการช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียรายได้ในการดำเนินธุรกิจในระหว่างนั้นด้วย ซึ่งปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจทางทะเลให้ความสนใจก็คือ ราคาที่สมเหตุสมผลของบริการบรอดแบนด์ทางทะเล โดยราคาที่รับได้ คือ ต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ / ต่อเดือน/ ต่อลำ เช่น พวกเขาต้องสามารถเชื่อมต่อบรอดแบนด์ได้ที่ความเร็วอย่างน้อย 30 Mbps ในปริมาณที่ใช้ได้คือ 10 GB เมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อแบบ L-Band ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิม ที่มีความเร็วเพียง 200-600 Kbps ในปริมาณ 25-75 MB

อนาคตที่ดี ต้องเริ่มที่วันนี้

ในปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป เอเชียจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจอุตสาหกรรมทางทะเลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน Disruptive technologies หรือเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) คลาวด์ และโซเชียลมีเดีย นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ จะสามารถทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถตรวจสอบเรือได้จากระยะไกล และประเมินสภาพของเรือได้แบบเรียลไทม์ พยากรณ์สภาพอากาศได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ฯลฯ ในความเป็นจริง นวัตกรรมแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว เรืออัจฉริยะลำแรกของจีนได้เริ่มใช้งานแล้ว ในขณะที่ บริษัทขนส่งทางทะเลของญี่ปุ่นกำลังพัฒนาเรือบรรทุกสินค้าต้นแบบ โดยใช้เทคโนโลยีของ AI ในการวางแผนเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ลัดที่สุด และประหยัดที่สุด ท้ายที่สุดแล้ว อุตสาหกรรมทางทะเลมีความจำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อบรอดแบนด์ความเร็วสูงเพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้เรือทางทะเลกลายเป็นเรือดิจิทัลแห่งอนาคต ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม จึงเป็นกุญแจสำคัญของการปฏิบัติงานทางทะเล และเป็นปัจจัยในการผลักดันและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการธุรกิจนอกชายฝั่ง สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัลได้ในที่สุด

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง