ประกาศแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับการใช้กล้องวงจรปิด
ฉบับปรับปรุงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ”) ตระหนักถึงสิทธิและความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จึงขอแจ้งให้ทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับแนวทางที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นลูกค้า ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง นักศึกษาฝึกงาน ผู้รับจ้าง คู่ค้า ผู้มาเยือน หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งเข้ามาในพื้นที่ที่มีการเฝ้าดูแล ทั้งภายในอาคารและบริเวณโดยรอบของบริษัทฯ ผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของบริษัทฯ
ประกาศแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ประกาศฯ”) ใช้สำหรับผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ที่มีการเฝ้าดูแล ทั้งภายในอาคารและบริเวณโดยรอบของบริษัทฯ ผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
- บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
- ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วันเวลา พื้นที่ที่มีการเฝ้าดูแล
- ข้อมูลอื่น ๆ ที่ได้จากกล้องวงจรปิด
2. บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องวงจรปิด ดังนี้
2.1 เพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงทรัพย์สินของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
2.2 เพื่อปกป้องอาคาร สถานที่ พนักงาน และทรัพย์สินของบริษัทจากความเสียหาย ความขัดข้อง การทำลาย และจากอาชญากรรมอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
2.3 เพื่อสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขัดขวาง ป้องกัน และตรวจจับอาชญากรรม รวมถึงการสนับสนุนในการสอบสวนหรือกระบวนพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องเมื่อเกิดอาชญากรรม หรือการแจ้งเบาะแสต่าง ๆ
2.4 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมในการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟฟ้า โครงข่ายโทรคมนาคม หรือระบบอื่น ๆ ที่บริษัทฯ ใช้ในการให้บริการ การปกป้องการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ การรักษาความปลอดภัยของบุคลากร ทรัพย์สินและสถานประกอบการของบริษัทฯ รวมถึงการเยียวยา ป้องกัน หรือจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
2.5 เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมในการบังคับใช้ข้อกำหนดและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
2.6 เพื่อให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น
2.7 เพื่อให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายให้อำนาจในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะติดตั้งป้ายที่จุดทางเข้า-ออก และในพื้นที่ที่มีการเฝ้าดูแลโดยกล้องวงจรปิด เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบว่าในบริเวณพื้นที่โดยรอบนั้นมีการบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด ซึ่งกล้องวงจรปิดจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และอาจจะมีการบันทึกเสียง โดยบริษัทจะติดตั้งกล้องวงจรปิดในที่ที่เห็นได้ง่าย และพื้นที่ที่บริษัทจะไม่ติดตั้งกล้องวงจรปิด ได้แก่ ห้องพักพนักงาน ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ หรือพื้นที่อื่นที่กำหนดให้เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับพนักงาน เป็นต้น
3. บริษัทฯ อาจมีการเปิดเผยข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ดังนี้
3.1 บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผยหรือโอนข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ใด
3.2 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่ได้เก็บรวบรวมไว้ในข้อ 1 ให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานที่ใช้อำนาจรัฐหรือมีอำนาจบังคับตามกฎหมายให้บริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ตามข้อ 3
3.3 หากบริษัทฯ จะต้องเปิดเผยข้อมูลจากกล้องวงจรปิดให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ที่ไม่มีมาตรฐานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอนั้นและจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดนั้น
4. บริษัทฯ มีมาตรการในการเก็บรักษาข้อมูลจากกล้องวงจรปิดและกำหนดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ดังนี้
4.1 บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับไว้เป็นอย่างดีโดยธำรงไว้ซึ่งความลับ และจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง หรือเปิดเผยโดยมิชอบ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
4.2 บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมหรือเท่าที่จำเป็นตามอายุความ และมาตรฐานการเก็บรักษาเอกสารที่บริษัทถือปฏิบัติ กล่าวคือ 30 (สามสิบ) วัน นับแต่สิ้นสุดระยะเวลาสุดท้ายที่ผู้มาติดต่อยืนยันตัวตนกับบริษัทฯ หรือนับแต่วันที่บริษัทฯ ได้ยุติความสัมพันธ์กับผู้ติดต่อ เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นอันเนื่องมาจากกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้เท่าที่ความจำเป็นดังกล่าวสิ้นสุดลง
4.3 เมื่อพ้นระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือเมื่อบริษัทฯ ไม่สามารถอ้างสิทธิในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลใดแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
4.4 ในการณีที่มีการรั่วไหลหรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ มีมาตรการในการตอบสนองกับเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลหรือการละเมิด ดังนี้
4.4.1 ผู้ที่ทราบเหตุแจ้งต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4.4.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรับแจ้งเหตุและบันทึกเหตุการณ์
4.4.3 เจ้าหน้าที่ข้อมูลส่วนบุคคลประเมินความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
4.4.4 กรณีไม่มีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการดังนี้
-
-
- จดบันทึกเหตุการณ์เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
- รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บริหารทราบ
-
4.4.5 กรณีมีความเสี่ยง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการดังนี้
-
-
- จดบันทึกเหตุการณ์เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
- แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
- รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บริหารทราบ
-
4.4.6 กรณีมีความเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการดังนี้
-
-
- จดบันทึกเหตุการณ์เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
- แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
- แจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ พร้อมทั้งมาตรการการเยียวยา
- รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บริหารทราบ
-
4.4.7 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการสืบสวนและสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและที่มา พร้อมทั้งระบุต้นเหตุของการรั่วไหลหรือการละเมิดของข้อมูลส่วนบุคคล
4.4.8 บริษัทฯ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแนวทางการป้องกันการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคล
5. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีดังนี้
5.1 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิให้ความยินยอมและถอนความยินยอม ดังนี้
5.1.1 ในกรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีสิทธิจะให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ให้ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ซึ่งได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบแล้ว หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ให้ความยินยอมดังกล่าวก็ได้
5.1.2 เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนนั้นขัดต่อข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นที่ได้ให้ความยินยอมไปก่อนหน้านี้
5.1.3 ในกรณีที่การถอนความยินยอมข้างต้นส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือมีผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องใด บริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม
5.2 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นข้อมูลที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ
5.3 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจากบริษัทฯ
5.4 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย
5.5 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
5.6 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบตามข้อ 5 ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
5.7 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 6 เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
5.8 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะคัดค้านเมื่อใดก็ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้าน บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปเฉพาะที่บริษัทฯ สามารถแสดงเหตุผลทางกฎหมายได้เท่านั้น
5.9 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากว่าบริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ในประกาศฯ นี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความยินยอม หรือเมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5.10 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่บริษัทฯ กำลังตรวจสอบคำร้องขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคำร้องขอใช้สิทธิคัดค้านว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยไม่มีความจำเป็น หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5.11 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
6. บริษัทฯ มีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดี บริษัทฯ สงวนสิทธิในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีจำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทฯ จะต้องติดต่อสื่อสารกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
7. บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์เดิม ทั้งนี้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ประสงค์จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปหลังจากที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับแล้ว ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งยกเลิกความยินยอมได้ตามช่องทางที่กำหนดในข้อ 8 ของประกาศฯ ฉบับนี้
8. หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือต้องการใช้สิทธิ
ตามข้อ 5 หรือข้อ 7 กรุณาติดต่อบริษัทฯ ได้ที่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เลขที่ 349 อาคารเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ชั้น 28 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 เบอร์โทรศัพท์ (+66) 2-596-5095 หรือเว็บไซต์ของบริษัท thaicom.net หรือติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ โดยส่งอีเมลไปที่ [email protected]
9. บริษัทฯ อาจขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยืนยันตัวตนก่อนดำเนินการใด ๆ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการใช้สิทธิตามข้อ 5 หรือข้อ 7
10. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
11. บริษัทฯ อาจมีการปรับปรุงประกาศฯ นี้เป็นครั้งคราว และบริษัทฯ จะแจ้งประกาศฯ ฉบับใหม่ให้ทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมด้วย